The Irishman (2019) – บุรุษผู้ทาสีบ้านในวงการมาเฟีย

เข้าใกล้ช่วงล่ารางวัลเข้าไปอีกแล้วในปีนี้ ซึ่งช่วงนี้มักเป็นช่วงที่หนังเต็มรางวัลเริ่มวาดลวดลายบนจอเงินและบนเวทีรางวัลมากมาย ซึ่งปีนี้ก็มีหลายผลงานที่เป็นตัวเต็งสำคัญและปีนี้น่าจะเป็นปีประวัติศาสตร์เช่นกัน เพราะเจ้าพ่อสตรีมมิ่ง Netflix จะส่งผลงานชิงรางวัลอีกครั้ง หลังปีก่อนก็มี Roma ของ อัลฟองโซ คัวรอน สร้างชื่อบนเวทีออสก้าร์ปีที่ผ่านมา มาปีนี้เจ้าพ่อ Netflix ก็ได้มอบทุนให้กับผลงานล่าสุดของ มาร์ติน สกอร์เซซี ที่ว่ากันว่าจะเป็นผลงานเต็งรางวัลปีนี้อย่าง “คนใหญ่ไอริช” The Irishman

The Irishman เล่าเรื่องโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ แฟรงค์ ชีแรน (โรเบิร์ต เดอ นีโร) คนขับรถบรรทุกของสหภาพที่จับพลัดจับพลูได้ไปรู้จักกับ รัสเซล บูลฟาลีโน่ (โจ เพสซิ) เจ้าพ่อมาเฟียระดับใหญ่ในรัฐฟิลาเดลเฟีย ก่อนที่จะพาไปรู้จักกับ จิมมี่ ฮอฟฟา (อัล ปาชิโน่) ประธานสหภาพคนขับรถบรรทุก ที่เป็นเสมือนแหล่งเงินทุน โดยทั้งสามก็ได้สานสัมพันธ์ผ่านเบื้องหลังวงการมาเฟียที่แสนขัดแย้ง รุนแรง และ น่ากลัว ผ่านประวัติศาสตร์อเมริกาที่ยาวนานร่วม 3 ทศวรรษ

กรอกตายาว ๆ ตอนทราบข่าวถึงความยาวหนังที่ดำเนินนานร่วม 209 นาที (รวมเครดิตแล้ว) หนังดำเนินสลับเส้นเรื่องแต่ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ผ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์อเมริกันที่สำคัญ ๆ มากมาย ปะหน้าด้วยเรื่องราวของวงการมาเฟียที่ไม่น่าไว้วางใจและมิตรสามารถแปรพักตร์เป็นอริได้ทุกเมื่อ หนังจึงเต็มไปด้วยฉากที่มีบทสนทนามากมาย แต่ครั้นเมื่อมาถึงฉากปะทะกันด้วยปืน กระสุนแต่ละนัดก็ช่างเชือดเฉือนจนน่าสะเทือนใจเลยทีเดียว

ข้อเสียที่เราอาจจะพูดได้คงเป็นความยาวของหนังที่กินเวลาเกือบเข้าใกล้ 4 ชั่วโมง แต่กลายเป็นว่าข้อดีของเรื่องอย่าง ฝีมือการกำกับของ มาร์ติน สกอร์เซซี่ ที่สามารถใช้ช่วงเวลาของเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างคุ้มค่า แต่ละฉากแต่ละช่วงที่ดูเหมือนไม่สลักสำคัญ แต่สามารถบอกเล่าตัวตนและประกอบกันเป็นภาพรวมใหญ่ที่ส่งผลต่อแต่ละตัวละครอย่างมาก ตัวบทหนังเป็นส่วนนึงที่ต้องชม เพราะทั้งละเอียดและสามารถเล่าเรื่องราวที่ครอบคลุมกว่า 3 ทศวรรษได้อย่างลื่นไหลไม่น่าเบื่อ อีกทั้งงานด้านภาพและดนตรีขับเน้น อารมณ์และเรื่องราวในช่วงนั้นได้อย่างดีเยี่ยม

ส่วนต่อมาก็คือ การแสดงของ 3 นักแสดงนำ อย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร ที่รับบท แฟรงค์ ชีแรน ได้อย่างลุ่มลึกและน่าค้นหา ภายใต้การทำหน้าที่ “คนทาสีบ้าน” ในวงการมาเฟียและเคลียร์เรื่องสกปรกให้ เขากลับแสดงสีหน้าที่บ่งบอกได้หลายอารมณ์ ถึงความขัดแย้งและความน่าเห็นใจ แม้ไม่ต้องฟูมฟายออกมาด้วยน้ำตาแม้แต่หยดเดียว คนต่อมา อย่าง อัล ปาชิโน่ ก็แสดงความโผงผางเกินเบอร์แต่ก็ดูน่าเกรงขาม ต่อมาคือ โจ เพสซิ ที่เป็นเจ้าพ่อมาเฟียได้อย่างสุขุมนุ่มลึกและน่ายำเกรงอย่างมาก

อาจจะบอกว่า เวลาร่วม 3 ชั่วโมง 29 นาทีเป็นเวลาที่ยาวนานก็จริง แต่ถือว่าเป็นเศษเสี้ยวที่แสนสั้น หากเทียบกับช่วงชีวิตของคน ๆ หนึ่งที่สามารถจะเล่าได้ การชมหนังเรื่องนี้จนจบได้จึงไม่มีอารมณ์อื่นใดนอกเสียจากความปิติและชื่นชมผู้สร้างและเจ้าของเรื่องราวที่สามารถ เล่าเรื่องที่อาจจะส่งผลต่อชีวิตใครหลายคน ถึงคุณค่าของชีวิตและคุณค่าของความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้เช่นนี้

สรุปแล้ว The Irishman คือ การบอกเล่าชีวิตของบุรุษที่เป็นผู้ทาสีบ้านในวงการมาเฟียอันเต็มไปด้วยผลประโยชน์ที่แสนขัดแย้ง รุงแรง และน่าสะเทือนใจ สกอร์เซซี มาพร้อมการกำกับที่นิ่งเนิบแต่เอกอุ อีกทั้งการแสดงของ เดอ นีโร, ปาชิโน่ และ เพสซิ ก็ลุ่มลึกและทรงพลังพอ ๆ กับบทที่เขียนออกมาได้ละเอียดละออ และสามารถใช้เวลากว่า 209 นาทีได้คุ้มในการย่นย่อประวัติศาสตร์กว่า 3 ทศวรรษได้คุ้มค่า

4.5 / 5

สามารถติดตาม Movie Trivia เพิ่มเติมได้ที่
แฟนเพจ Facebook, Blockdit และ Threads

ใส่ความเห็น