หนัง Disney ขาดทุนสูงสุดปี 2023 มากถึง 4 เรื่อง; “The Marvels” ขาดทุนหนักสุดถึง $237 ล้านเหรียญ

เมื่อถึงช่วงต้นไตรมาสสองของปี ก็จะมีรายงานสรุปถึงภาพยนตร์ของปีก่อน ที่สามารถทำรายได้และสร้างกำไรได้มากสุดของปี โดยขณะที่ปี 2022 เป็นปีของ “Avatar: The Way of Water” จาก 20th Century Studios ที่ทำกำไรได้มากสุด และเป็นคราวเคราะห์ของแอนิเมชัน “Strange World” จาก Disney ที่ขาดทุนหนักสุดราว $197.4 ล้านเหรียญ มาปี 2023 ที่ผ่านมา ก็ยังไม่ใช่สัญญาณที่ดีสำหรับ Disney ครับ

โดยทางรายงานจาก Deadline ซึ่งทำหน้าที่รวมรวบข้อมูลตัวเลขรายได้ของภาพยนตร์ประจำปี 2023 ภายใต้ชื่อ “Deadline’s Most Valuable Blockbuster Tournament” นั้น ทำการเผยข้อมูลถึงรายชื่อภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักที่สุดประจำปี 2023 และนี่ถือเป็นครั้งแรกของ Disney ที่มีผลงานขาดทุนมากสุดถึง 4 เรื่อง จากรายชื่อที่ถูกคัดเลือกมาถึง 5 เรื่องด้วยกัน

ทั้งนี้ รายงานยังเสริมด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงซึ่งการถือครองตำแหน่งหนังทำเงินประจำปี ซึ่ง Disney มักจะเป็นผู้ทำเงินมาโดยตลอด โดยเฉพาะการมีแฟรนไชส์สร้างเม็ดเงินแบบ Marvel และ Lucasfilm อยู่ในมือ แต่ปีนี้ กลับไม่ได้ทรงพลังแบบที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะ การเปลี่ยนแปลงซึ่งกลยุทธ์ ที่ขับเน้นในการส่งคอนเทนต์ส่วนมากลงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Disney+ ที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด ภายใต้การบริหารของบ็อบ ชาเพ็ค ซีอีโอคนก่อน

แต่ด้าน ซีอีโอ บ็อบ ไอเกอร์ กำลังพยายามผลักดันกลยุทธ์แบบ “น้อยได้มาก” เพื่อส่งให้สตูดิโอภาพยนตร์อันดับหนึ่งกลับมาครองใจและตารางหนังทำเงินได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ ภายในรายงานยังชี้ด้วยว่า ภาพยนตร์จาก Apple Original Films ซึ่งมีทุนสร้างฟอร์มยักษ์แบบ “Killers of the Flower Moon” และ “Napoleon” จะไม่ถูกนำมารวบรวมด้วย เนื่องด้วยเหตุผลทางด้านการเงิน ซึ่งถูกหนุนหลังในฐานะบริษัทเทคโนโลยี ที่มีเนื้อหาภาพยนตร์เป็นส่วนหนึ่งของรายได้ภายในบริษัท และการขาดทุนนั้นก็ถูกประเมิณในฐานะงบการโฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Apple TV+


The Marvels” : ขาดทุน -$237 ล้านเหรียญ

โดยในรายชื่อของภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักสุดของปี 2023 นั่นก็ได้แก่ “The Marvels” ของ Disney และ Marvel Studios ซึ่งทำรายได้จากการเข้าฉายรวมทั่วโลกทั้งสิ้น $206.1 ล้านเหรียญ และมีรายได้สุทธิจากการจัดจำหน่าย ทั้งการฉายโรงภาพยนตร์, สื่อบันเทิงแบบดีวีดีและบลูเรย์ และการฉายทางโทรทัศน์กับสตรีมมิ่ง อยู่ที่ $218 ล้านเหรียญ

แต่หักลบจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งทุนสร้าง $270 ล้านเหรียญ, ค่าประชาสัมพันธ์และโฆษณา, ส่วนต่าง, ดอกเบี้ย และค่าตอบแทนของทีมงานและนักแสดง สุทธิอยู่ที่ $455 ล้านเหรียญ ทำให้ตัวหนัง “The Marvels” ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $237 ล้านเหรียญ

ทั้งนี้ รายงานยังวิเคราะห์ด้วยว่า ความล้มเหลวทางรายได้ของ “The Marvels” ซึ่งขาดจากการเป็นตัวเชื่อมที่สำคัญ หากเทียบกับภาคก่อนอย่าง “Captain Marvel” และทำหน้าที่ส่งท้ายและเชื่อมระหว่างหนังมหากาพย์อย่าง “Avengers: Infinity War” และ “Avengers: Endgame” จนทำให้หนังกวาดรายได้ $1.1 พันล้านเหรียญ

รวมถึงปัจจัยทางกลยุทธ์ที่พยายามดึงและเชื่อมซีรีส์เข้ากับหนัง ซึ่งซีรีส์ “Ms. Marvel” อาจไม่ได้ดึงดูดมากเท่าตัวละครจากซีรีส์อย่าง “Loki” หรือ “WandaVision” อีกทั้ง ณ เวลาที่หนังเข้าฉาย ตัวหนังก็ได้รับผลกระทบจากการประท้วงหยุดงานของสมาคมนักแสดงฯ ทำให้เหล่านักแสดงไม่สามารถทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์หนังได้ แถมสูตรสายป่านของ Marvel Studios ที่มักจะดึงตัวผู้กำกับฯ สายอิสระ มาปลุกปั้นให้กลายเป็นผู้กำกับฯ หนังทุนสูง ก็ดูจะไม่ได้ผลเสียแล้ว

The Flash” : ขาดทุน -$155 ล้านเหรียญ

ส่วนอันดับสอง ของภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักที่สุดของปี 2023 ก็คือ “The Flash” ของ Warner Bros. และ DC ซึ่งก็ทำรายได้จากการเข้าฉายรวมทั่วโลกราว $271.3 ล้านเหรียญ และมีรายได้สุทธิจากการจัดจำหน่าย ทั้งการฉายโรงภาพยนตร์, สื่อบันเทิงแบบดีวีดีและบลูเรย์ และการฉายทางโทรทัศน์กับสตรีมมิ่ง อยู่ที่ $250 ล้านเหรียญ

แต่เมื่อหักลบจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งทุนสร้าง $200 ล้านเหรียญ, ค่าประชาสัมพันธ์และโฆษณา, ส่วนต่าง, ดอกเบี้ย และค่าตอบแทนของทีมงานและนักแสดง สุทธิอยู่ที่ $405 ล้านเหรียญ ทำให้ตัวหนัง “The Flash” ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $155 ล้านเหรียญ

ซึ่งปัจจัยของการขาดทุนนั้น ถึงแม้ว่าจะเข้าฉายก่อนการประท้วงหยุดงานแต่นักแสดงนำหลักอย่าง เอซร่า มิลเลอร์ ซึ่งเป็นจุดสนใจของข่าวฉาวมากมายก่อนหนังเข้าฉาย ก็ถูกเก็บตัวไว้จากการประชาสัมพันธ์ตัวหนัง หรือแม้กระทั่ง นักแสดงร่วมอย่าง ไมเคิล คีตัน เอง ก็ปรากฎตัวอย่างจำกัด หรือไม่ได้มาร่วมประชาสัมพันธ์ด้วยซ้ำ เหตุเพราะไม่มีนักแสดงคนไหน ตอบคำถามเกี่ยวกับมิลเลอร์

ทั้งนี้ แม้ทางผู้บริหาร รวมถึงประธานฝ่าย DC Studios คนใหม่อย่าง เจมส์ กันน์ และ ปีเตอร์ ซาฟราน จะเชื่อมั่นและยกยอให้ตัวหนังก็ตาม แต่ดูเหมือนผู้ชมส่วนมาก จะไม่ได้ซื้อเนื้อหาหนังที่ชวนให้นึกถึงหนังที่เซอร์วิสแฟนแบบ “Spider-Man: No Way Home” แล้ว

Indiana Jones and the Dial of Destiny” : ขาดทุน -$143 ล้านเหรียญ

อันดับสามของภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักที่สุดประจำปี 2023 คือ “Indiana Jones and the Dial of Destiny” ของ Disney และ Lucasfilm ซึ่งก็ทำรายได้จากการเข้าฉายรวมทั่วโลกราว $384 ล้านเหรียญ และมีรายได้สุทธิจากการจัดจำหน่าย ทั้งการฉายโรงภาพยนตร์, สื่อบันเทิงแบบดีวีดีและบลูเรย์ และการฉายทางโทรทัศน์กับสตรีมมิ่ง อยู่ที่ $373 ล้านเหรียญ

แต่เมื่อหักลบจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งทุนสร้าง $300 ล้านเหรียญ, ค่าประชาสัมพันธ์และโฆษณา, ส่วนต่าง, ดอกเบี้ย และค่าตอบแทนของทีมงานและนักแสดง สุทธิอยู่ที่ $516 ล้านเหรียญ ทำให้ตัวหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $143 ล้านเหรียญ

ทั้งนี้ แม้ตัวนักแสดงนำอย่าง แฮริสัน ฟอร์ด จะชื่นชอบตัวบทหนัง และการส่งไม้ผู้กำกับ ฯ มายัง เจมส์ แมนโกลด์ โดย สตีเวน สปีลเบิร์ก ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่แฟรนไชส์ที่มีตัวละครเอกลายคราม ก็ดูจะไม่ได้ดึงดูดผู้ชมที่มีฐานอายุต่ำกว่า 40 ปีสักเท่าไหร่ แถมกลยุทธ์ในการส่งหนังไปฉายรอบปฐมทัศน์ในเมืองคานส์ และไม่ได้มีกระแสแง่บวกออกมาตามที่คาดการณ์ ก็ส่งภาพลักษณ์ที่ไม่ดีก่อนที่หนังจะฉายพอสมควร

Wish” : ขาดทุน -$131 ล้านเหรียญ

ต่อมา อันดับสี่ของภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักที่สุดประจำปี 2023 คือ แอนิเมชันหนึ่งเดียวภายในรายชื่ออย่าง “Wish” ของ Disney และ Walt Disney Animation Studios ซึ่งก็ทำรายได้จากการเข้าฉายรวมทั่วโลกราว $253.2 ล้านเหรียญ และมีรายได้สุทธิจากการจัดจำหน่าย ทั้งการฉายโรงภาพยนตร์, สื่อบันเทิงแบบดีวีดีและบลูเรย์ และการฉายทางโทรทัศน์กับสตรีมมิ่ง อยู่ที่ $231 ล้านเหรียญ

แต่เมื่อหักลบจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งทุนสร้าง $200 ล้านเหรียญ, ค่าประชาสัมพันธ์และโฆษณา, ส่วนต่าง, ดอกเบี้ย และค่าตอบแทนของทีมงานและนักแสดง สุทธิอยู่ที่ $362 ล้านเหรียญ ทำให้ตัวหนัง Wish ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $131 ล้านเหรียญ

โดย “Wish” เป็นแอนิเมชันตามธรรมเนียมที่ Disney มักจะส่งฉายในช่วงเวลาวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งปัจจัยที่หนังไม่ประสบความสำเร็จ นั่นก็มีทั้ง การเป็นแอนิเมชันที่มีเนื้อหาดั้งเดิม, นำเสนอภายใต้สูตรที่คนดูคุ้นเคย (เจ้าหญิงขี้เล่นและตัวละครสมทบเฮฮา) และส่วนมากก็รอคอยจะชมใน Disney+ มากกว่า รวมถึงผู้ชมส่วนใหญ่สัมผัสได้ว่า ตัวหนังเป็นผลงานที่เฉลิมฉลองวันครบรอบสตูดิโอมากกว่าจะเป็นหนังที่มีเนื้อหากินใจ

Haunted Mansion” : ขาดทุน -$117 ล้านเหรียญ

ปิดท้ายด้วย อันดับที่ห้าของภาพยนตร์ที่ขาดทุนหนักที่สุดประจำปี 2023 คือ “Haunted Mansion” ของ Disney ซึ่งก็ทำรายได้จากการเข้าฉายรวมทั่วโลกราว $117.5 ล้านเหรียญ และมีรายได้สุทธิจากการจัดจำหน่าย ทั้งการฉายโรงภาพยนตร์, สื่อบันเทิงแบบดีวีดีและบลูเรย์ และการฉายทางโทรทัศน์กับสตรีมมิ่ง อยู่ที่ $143 ล้านเหรียญ

แต่เมื่อหักลบจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งทุนสร้าง $150 ล้านเหรียญ, ค่าประชาสัมพันธ์และโฆษณา, ส่วนต่าง, ดอกเบี้ย และค่าตอบแทนของทีมงานและนักแสดง สุทธิอยู่ที่ $260 ล้านเหรียญ ทำให้ตัวหนัง Haunted Mansion ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ $117 ล้านเหรียญ

ทั้งนี้ “Haunted Mansion” ก็เป็นหนังเรื่องแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงหยุดงานของสมาคมนักแสดงฯ จนทำให้รอบปฐมทัศน์ ซึ่งจัดขึ้นที่ดิสนีย์แลนด์ ในฐานะแฟนอีเวนท์กลับไร้ซึ่งนักแสดงนำหลักไปเดินพรมแดง รวมถึงกำหนดฉายของหนัง ที่อยู่ระหว่างวีคของ “Barbie” และ “Teenage Mutant Ninja Turtles: Mutant Mayhem” ซึ่งเป็นตัวหนังที่ดึงดูดฐานผู้ชมวัยรุ่นได้มากกว่า ทำให้ตัวหนังบ้านผีสิงฉบับใหม่ ซึ่งหากปรับอัตราเงินเฟ้อแล้ว กลับทำรายได้น้อยกว่าฉบับของเอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ ในปี 2003 ที่เคยทำไว้ที่ $182.2 ล้านเหรียญทั่วโลกเสียอีก


ที่มา : Deadline ; Disney Detonates Four Bombs In Deadline’s 2023 Most Valuable Blockbuster Tournament

สามารถติดตาม Movie Trivia เพิ่มเติมได้ที่
แฟนเพจ Facebook, Blockdit และ Threads

ใส่ความเห็น