รังสรรค์ไอเดียออริจินัลในยุคหนังแฟรนไชส์ : การก่อกำเนิด The Creator ของกาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส

“ผมไม่เคยตั้งใจจะทำหนังจากแฟรนไชส์”


ท่ามกลางกองสมบัติของสินทรัพย์ทางปัญญามากมาย ซึ่งถูกนำมาปรุงแต่ง ดัดแปลง และปรับเปลี่ยนเป็นสื่อรูปแบบอื่น ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มานับครั้งไม่ถ้วน ห้วงทะเลของภาพยนตร์ใน ณ ปัจจุบัน จึงเต็มไปด้วยภาพยนตร์ที่ถูกดัดแปลงมา จนกลายเป็นแฟรนไชส์ ที่ดึงดูดและทำเงินมากมายระดับพันล้าน และหาได้ยากถึงตัวหนัง ที่มาพร้อมไอเดียดั้งเดิมที่มีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

กาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส ผู้กำกับ ฯ ชาวอังกฤษ ที่แจ้งเกิดด้วยผลงานอิสระอย่าง Monsters หนังไซไฟสยองขวัญในปี 2010 เรื่องราวของสองชายหญิง ที่เดินทางข้ามพรมแดนที่เต็มไปด้วยอสูรกาย ภายใต้งบที่จำกัดไม่ถึงล้านเหรียญ แต่ศักยภาพของวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นตะลึง และถูกรังสรรค์ด้วยทีมงานถ่ายทำที่ไม่ถึงสิบคน จึงไม่แปลกที่ เอ็ดเวิร์ดส จะเป็นที่น่าจับตาของฮอลลีวู้ดในช่วงนั้น

จากนั้นไม่นาน เอ็ดเวิร์ดส จึงถูกดึงตัวมากำกับ Godzilla ฉบับรีบูตของ Legendary Pictures ในปี 2014 และสานต่อด้วยงานภาคแยกอย่าง Rogue One จากจักรวาล Star Wars ในปี 2016 ซึ่งทั้งสองเรื่อง ถูกชื่นชมในแง่ของงานวิสัยทัศน์ ที่ผสมผสานเทคนิคสร้างภาพพิเศษ เข้าสู่ตัวหนังได้อย่างมีเอกลักษณ์และน่าเชื่อถือ

แต่กระนั้นเอง เอ็ดเวิร์ดส ไม่เคยคิดที่จะกำกับหนังจากแฟรนไชส์เลยด้วยซ้ำ เขากลับมีความคิด ที่อยากจะฟูมฟักไอเดียดั้งเดิมที่เขาคิดเอง แต่อย่างไรก็ตาม การได้รับข้อเสนอที่ใหญ่เพียงนี้ หลังมีผลงานเปิดตัวแรก มันก็เป็นข้อเสนอทางสายงานอาชีพที่ปฏิเสธได้ยาก

“ผมไม่เคยตั้งใจจะทำหนังจากแฟรนไชส์ ผมเคยคิดด้วยซ้ำว่า ผมจะทำอะไรในสายงานผู้กำกับ ฯ ของผม ซึ่งถ้าผมมีไอเดีย ผมก็จะทำหนังดั้งเดิมของผมเอง แล้วก็ทำต่อ ๆ กันไป จากนั้นผมจึงได้รับข้อเสนออันน่าทึ่ง ที่ราวกับถูกหวยนี่ ในการได้กำกับ Godzilla และส่งผมโจนทะยานไปสู่การทำหนังฟอร์มยักษ์”

“ซึ่งผมก็รู้สึก ‘ไม่ ผมปฏิเสธมันไม่ได้ ไม่งั้นผมจะเสียใจไปทั้งชีวิต’ ผมเลยไปกำกับและผมก็รู้สึก ‘โอเค แค่นี้สินะ’ จากนั้นก็มีคนมาเสนอ ‘นายอยากทำ Star Wars ไหมล่ะ?’ และมันเป็นเพียงสิ่งเดียว ที่พอผมได้ยิน แล้วผมก็ตบปากรับคำได้ว่า ‘โอเค'” เอ็ดเวิร์ดส กล่าว

หลังจากโคจรออกจากจักรวาล Star Wars เอ็ดเวิร์ดส จึงหวนกลับมาหาหนังไอเดียดั้งเดิมแบบที่เขาอยากทำ แม้ส่วนตัว เขามีความรู้สึกอยากจะกำกับหนังจากแฟรนไชส์บางเรื่อง ที่เขาสนใจก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม เอ็ดเวิร์ดส ก็ค้นพบว่า หนังยุคนี้ หาซึ่งหนังที่มาพร้อมไอเดียดั้งเดิมได้ยาก เขายังค้นพบด้วยว่า ในหนังยุค 80 ซึ่งเป็นยุคที่เขาเติบโต เป็นช่วงเวลาที่ตารางหนังทำเงินกว่า 80% เป็นหนังที่ดั้งเดิมแทบทั้งสิ้น ต่างจากยุคนี้

เอ็ดเวิร์ดส ซึ่งเคยหยิบจับหนังจากแฟรนไชส์มาแล้ว และหนังจากแฟรนไชส์บางเรื่องก็มีคุณภาพจนเป็นที่น่าจดจำ แต่การที่ท้องตลาดกลับแห้งเหือดไปด้วยภาพยนตร์ที่มีไอเดียดั้งเดิม กลายเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับเขา แถมยังวิพากษ์ด้วยว่า สตูดิโอไม่มีใจกล้าพอ จะเสี่ยงกับหนังที่มีไอเดียดั้งเดิมแบบนี้ แต่กระนั้น เอ็ดเวิร์ดส ก็ชี้ว่า คนที่มีสิทธิมากสุดในการชี้ชะตาตัวหนัง คือผู้ชมไม่ใช่ผู้บริหารในสตูดิโอ

“ซึ่งส่วนตัว ผมว่านั่นน่าเศร้ามาก และผมคิดว่าเราเริ่มหลงทางทีละนิด แม้หนังแฟรนไชส์ทั้งหลายจะเกิดจากไอเดียดั้งเดิมก็ตาม ดังนั้น ผมคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สตูดิโอกลายเป็นไม่กล้าเสี่ยง แถมผู้ชมก็แห่แหนกันไปดูหนังแฟรนไชส์แทน และไม่สนับสนุนหนังไอเดียดั้งเดิมมากเท่าที่ควร”

“สิ่งที่ผมอยากจะพูดกับผู้คนก็คือ มันไม่เกี่ยวหรอกว่าคุณจะชอบแนวไหนก็ตาม แต่จงไปดูเถอะเมื่อมันเข้าโรง เพราะนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่หนังพวกนี้ถูกสร้าง และคุณอาจจะต้องไปร่วมประชุม เพื่อเสนอพวกเขาว่า ‘เอาแบบนี้ไหม? เอาแบบนั้นไหม?’ พวกเขาก็ชี้ว่า หนังเรื่องก่อนที่คล้าย ๆ กันมันไม่ทำเงิน และพูดว่า ‘นั่นเป็นเหตุผลว่า พวกเราจะไม่สร้างมัน เราอนุมัติงบให้ไม่ได้'”

“ซึ่งตัวผมในฐานะผู้ชม ก็อยากจะวิพากษ์สตูดิโอว่า จริง ๆ มันเป็นผู้ชมที่มีสิทธิออกเสียง มันเป็นระบบทางการเมือง ที่ผู้ชมสามารถโหวตได้ ด้วยตั๋วหนังของคุณ” เอ็ดเวิร์ส กล่าว


ซึ่งหลังได้กลับมาฟูมฟัก หนังไอเดียดั้งเดิมแบบที่เขาต้องการ การก่อกำเนิดอย่างแรกคือ การเขียนบท โดย เอ็ดเวิร์ดส ก็ยอมรับว่า มันเป็นงานที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย แต่สิ่งที่เขาทำ คือการขังตัวเอง ไว้ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในประเทศไทย และบีบบังคับให้ตัวเองเขียนบทที่ว่านี่ให้เสร็จ

แต่แล้ว ข้อความจากผู้กำกับ ฯ อย่าง จอร์แดน วอกต์-โรเบิร์ต ผู้กำกับ ฯ Kong: Skull Island ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม ก็กลายจุดกำเนิด ที่ทำให้วิสัยทัศน์ที่เขามีในหัว ชัดเจนมากขึ้น ด้วยกลิ่นอายทัศนียภาพของประเทศที่ชวนให้นึกถึงหนังแบบ Apocalypse Now แต่อยู่ในเซ็ตติ้งไซไฟอนาคต จนกลายมาเป็นรากฐานสำคัญของ The Creator

“ผมเดินทางไปพัก ๆ ที่นึง ในประเทศไทย และเริ่มเขียนบทเรื่องนี้ ซึ่งเป็นหนังไซไฟ จนผมได้รับข้อความจาก จอร์แดน วอกต์-โรเบิร์ต ซึ่งเป็นผู้กำกับ ฯ ของ Kong: Skull Island และเขาก็อยู่ในเวียดนาม ซึ่งอยู่ข้ามพรมแดนนี่เอง เขาเลยถาม ‘ไม่มาฝั่งนี้เหรอ มันดีมากเลยนะ เดี๋ยวพาเที่ยว’ ผมปฏิเสธไม่ลง ผมเลยไปหาเขา”

“ท้ายสุด พวกเราเที่ยวไปทั่วเวียดนาม จนได้เห็นทุกอย่าง และมันช่วยไม่ได้ ที่คุณจะมโนภาพทั้งหมดนั้น ไปถึงสงครามเวียดนาม และคิดไปถึงหนังแบบ Apocalypse Now ซึ่งเราอยู่ในทุ่งนาของที่ไหนก็ไม่รู้ และผมก็ยังคงมีเรื่องไซไฟอยู่ในหัว จนผมเริ่มเห็นทุก ๆ คน กลายเป็นหุ่นยนต์ และผมก็รู้สึก ‘พระเจ้า อันนี้มันก็เท่ดีแหะ’ เหมือนกับ พระสงฆ์ที่อยู่ในวัด แต่คุณนึกภาพให้เขาเป็นหุ่นยนต์ จนผมเริ่มแปลกใจ”

“ซึ่งอธิบายให้เข้าใจได้เร็วสุด มันเหมือนงานภาพผสมผสาน ที่มีคนพยายามสร้าง Apocalypse Now แต่อยู่ในจักรวาลของ Blade Runner” เอ็ดเวิร์ดส กล่าว

ซึ่งถึงแม้เขาจะวิสัยทัศน์ที่ชัดแจ้งแล้ว แต่ความยากลำบากต่อไป คือการเสนอไอเดียต่อผู้บริหาร เพื่อได้มาซึ่งทุนสร้าง ที่มาพอจะเนรมิตตัวหนังที่ตรงตามวิสัยทัศน์ที่เขามี เอ็ดเวิร์ดส เอง ซึ่งตระหนักถึงข้อนี้ดีว่า การเสนอหนังจากไอเดียดั้งเดิมจะยากลำบากกว่าหนังจากแฟรนไชส์

เอ็ดเวิร์ดส จึงทำการเสนอ The Creator ด้วยการประชุมกับผู้สร้างอย่าง New Regency ด้วยภาพคอนเซปต์กว่า 50 ภาพ ที่เผยให้เห็นโลกของตัวหนัง ซึ่งถึงแม้การเสนอจะเป็นไปอย่างง่ายดาย แต่เขาก็ต้องพยายามโน้มน้าว ถึงการใช้งบที่น้อยกว่าหนังฟอร์มยักษ์ทั่วไป ที่มักจะมาพร้อมทุนสร้างระดับร้อยล้านเหรียญ แต่เขาก็มีวิธีที่จะใช้งบในระดับประมาณ $50 ล้านเหรียญเท่านั้น

New Regency จึงมอบงบเริ่มต้นราว ๆ แสนเหรียญ ให้เอ็ดเวิร์ดส ได้ไปตระเวนหาสถานที่ถ่ายทำใน 6 สถานที่ในแถบเอเชีย ซึ่งเขาก็นำกล้องไปถ่ายหนังสั้นความยาว 10 นาที ก่อนจะนำฟุตเทจเหล่านั้นกลับมา เพื่อใส่วิช่วลเอฟเฟค ซึ่งเนรมิตโดย Industrial Light & Magic เพื่อสร้างภาพพิเศษ และโชว์วิสัยทัศน์ได้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

“พวกเขาคิด ‘นี่ฟังเหมือนหนังทุน $200 ล้านเหรียญ’ แต่พวกเราก็บอก ‘ไม่ ๆ ใจจริง เราทำภายใต้หนึ่งในสี่ของทุนก้อนนั้นได้’ พอผมถ่ายหนังสั้นความยาว 10 นาทีกลับมา สิ่งนี้ มันก็กลายเป็นข้อโต้แย้งที่ทุกคนเถียงแทบไม่ออก เพราะมันทำออกมาภายใต้เงินน้อยนิด และมันก็เหมือน ‘ดูสิ พวกเราจะทำหนังกันแบบนี้ และมันก็มีกรอบตั้งไว้ว่า ทุนสร้างจะพุ่งทะยานได้แค่ไหน’”

“พวกเขาเลยพูดว่า ‘โอเค ถ้าในเชิงพาณิชย์ ถ้าในเชิงงบสร้างเท่านี้ล่ะก็’ พวกเขาเลยตกลงเอาด้วย” เอ็ดเวิร์ดส กล่าว


ทั้งนี้ หลังทุกอย่างได้ดำเนินงานสร้างตามภาพที่เขาได้นึก และมันออกมาด้วยผลลัพธ์อย่าง The Creator แรงบันดาลใจมากมายที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของหนัง อาจจะมาจากหนังแบบที่เขายกตัวอย่างมา เช่น Apocalypse Now, Blade Runner หรือกระทั่งหนังอย่าง Akira ที่ช่วยออกแบบโลกของหนังเรื่องนี้ หรืออย่าง Rain Man, The Hit, E.T. และ Paper Moon ในการวางอารมณ์ร่วมของเรื่องราว

แต่ เอ็ดเวิร์ดส กลับหยิบ Baraka สารคดีในปี 1992 ของรอน ฟริค มาเป็นแรงบันดาลใจหลักของหนังเรื่องนี้ และส่วนตัว เขาหวังว่าผู้คนจะรู้จักในสารคดีเรื่องนี้มากขึ้นด้วย เพราะไม่เพียงแต่เขาจะชื่นชอบเป็นการส่วนตัว แต่เขาค้นพบว่า มันช่วยตอกย้ำถึงสุนทรียะทางภาพยนตร์ ที่ไม่มีศิลปะแขนงไหนทำได้

“นอกเหนือจากการที่สตูดิโอสามารถทำรายได้จากหนังเรื่องนี้ล่ะก็ ผมหวังลึก ๆ ว่า พวกเราจะทำให้คนได้รู้จักและชม Baraka มากขึ้น”

“ถ้าถามว่า ผมชอบอะไร? มันมีหลายสิ่งที่ภาพยนตร์ทำได้มากกว่าศิลปะแขนงอื่น แบบหนังสือหรือบทละคร ซึ่งสิ่งที่ภาพยนตร์ทำได้มากกว่า คือการผสมผสานซึ่งโสตทัศน์ ที่ขัดแย้งและสอดรับกับสุรเสียงและดนตรี ซึ่งนั้น สรรสร้างให้เกิดบางสิ่งที่อธิบายกับคนอื่นแทบไม่ได้”

“เพราะมันทำให้ในสิ่งที่หนังสือทำไม่ได้ ละครเวทีก็ทำไม่ได้ และมันก็เป็นเอกลักษณ์ทางภาพยนตร์ ซึ่งผมหลงรักและเป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจทำสิ่งนี้ ผมมักจะเป็นหมูดมกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิล ที่จะตามกลิ่นถึงช่วงเวลาเหล่านั้นในภาพยนตร์ และหาทางใส่เข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่จะได้”

“และส่วนตัว Baraka ก็ทำคะแนนได้สูงสุดมากในแง่นั้น โดยที่สารคดีนั้นไม่มีบทพูดเลยทั้งเรื่อง มันเหมือน ถ้าพระเจ้าสร้างหนังสักเรื่อง เขาคงสร้าง Baraka ขึ้นมา” เอ็ดเวิร์ดส กล่าวทิ้งทาย


The Creator เล่าเรื่องในอนาคต ที่มนุษยชาติ ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพปัญหาประดิษฐ์ที่ตัดสินใจทำสงครามกับมนุษย์ โจชัว อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษ รับภารกิจเพื่อตามล่าและสังหาร “ผู้สร้าง” สถาปนิกปัญหาประดิษฐ์ขั้นสูง ผู้พัฒนาอาวุธที่จะนำมาซึ่งจุดจบของสงครามและมนุษยชาติ

The Creator กำกับโดย กาเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส (“Rogue One” และ “Monsters”) จากบทที่เขียนร่วมกับ คริส ไวทซ์ นำแสดงโดย จอห์น เดวิด วอชิงตัน, เจมม่า ชาน, เคน วาตานาเบ, สเตอร์กิลล์ ซิมป์สัน, เมเดลลีน ยูนา วอยล์ส, อัลลิสัน เจนนีย์, ราล์ฟ ไอน์สัน, มาร์ก เมนชากา และ เวโรนิกา โง

The Creator มีกำหนดฉาย 28 กันยายน 2023


ที่มา : IGN / Screen Rant Plus

สามารถติดตาม Movie Trivia เพิ่มเติมได้ที่
แฟนเพจ Facebook, Blockdit และ Threads

ใส่ความเห็น